สายธารแห่งชีวิต: Church Fathers - ทำไมเราควรศึกษา Church Fathers; คริสตจักรบิดาแห่ง Prednice; ยุคโพนิเชียน; สามพ่อ Cappadocian และ John Chrysostom; พ่อฝรั่ง; - คำสอนกรีกคาทอลิก, บทความ (2023)

เครื่องประดับของโบสถ์ เสาหลักและฐานรองรับความจริง ป้อมปราการแห่งศรัทธาในพระคริสต์... เขาสร้างโบสถ์ที่ได้รับความไว้วางใจให้ดูแลตามแบบแผนโบราณ ราวกับว่าเป็นไปตามสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์บางอย่าง ดังนั้น ผู้ที่อาศัยอยู่กับท่านดูเหมือนจะมีชีวิตอยู่กับแสงสว่างเมื่อสองร้อยกว่าปีที่แล้ว ดังนั้นชายผู้นี้จึงไม่ได้นำเสนอสิ่งใดของตนเองหรือนวัตกรรมล่าสุดใดๆ แต่ด้วยพรของโมเสส เขาสามารถนำสมบัติโบราณออกมาจากส่วนลึกของจิตใจได้อย่างไร

เพรามหาราช,มูเนียฝังศพ

ก่อนเสด็จกลับไปหาพระบิดาระหว่างเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ พระคริสต์ทรงมอบหมายอัครสาวกของพระองค์ว่า "เหตุฉะนั้น จงไปสั่งสอนชนทุกชาติ และให้บัพติศมาในพระนามแห่งพระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์" (มัทธิว 28, 19-20) พร้อมกับสัญญาที่ว่าพวกเขาจะไม่ต้องจัดการงานใหญ่เช่นนี้เพียงลำพัง เพราะพระคริสต์ตรัสเพิ่มเติมว่า: "และดูเถิด เราจะอยู่กับท่านทั้งหลายตลอดไปจนกว่าโลกจะสิ้นไป" (มัทธิว 28, 20b) การประทับอยู่ของพระคริสต์นี้สำแดงออกอย่างไร? พระคริสต์ทรงส่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ตามพระสัญญา เพื่อนำทางและชี้นำชุมชน (คริสตจักร) ที่เขามาชุมนุมกันรอบตัวเขา นี่คือการรับประกันของเขาว่าทุกสิ่งที่เขาสอนจะถูกรักษาและส่งต่อ

คริสตจักรในศตวรรษแรกตระหนักอย่างยิ่งถึงพันธกิจที่จะรักษาสิ่งที่อัครทูตได้ประทานลงมาโดยอำนาจของพระวิญญาณให้คงอยู่ ความเชื่อที่พระเยซูมอบให้กับเหล่าอัครสาวกและส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นคือสิ่งที่เรากำลังพูดถึงในฐานะประเพณี และถึงกระนั้นประเพณีก็ไม่ใช่การยอมรับในอดีตที่ตายแล้ว แต่เป็นความต่อเนื่องที่มีชีวิตกับคริสตจักรในสมัยโบราณ ดังที่นักเทววิทยา Vladimir Lossky บรรยายไว้ว่า:

"แนวคิดอันบริสุทธิ์ของจารีตสามารถนิยามได้ว่าจารีตคือชีวิตของพระวิญญาณบริสุทธิ์ในคริสตจักร ซึ่งทำให้สมาชิกทุกคนในพระกายของพระคริสต์สามารถฟัง รับ และรู้ความจริงในความสว่างที่เป็นของมัน และไม่ใช่ตามแสงแห่งเหตุผลของมนุษย์”

สิ่งพิมพ์มาเน้นไอคอนกัน

ประเพณีที่เรากำลังพูดถึงไม่ใช่แนวคิดที่ไม่มีตัวตนและไม่มีตัวตนซึ่งไม่สามารถสรุปได้ ตรงกันข้าม ประเพณีนี้เป็นตัวเป็นตนในรูปธรรม เรารับรู้สิ่งนี้ในหลายแง่มุมของศาสนจักร เช่น พระคัมภีร์ ลัทธิ สภา งานเขียนของบรรพบุรุษของคริสตจักร เพลงสวด ไอคอน และระบบทั้งหมดของหลักคำสอนของคริสตจักร ความเป็นผู้นำ การนมัสการ และศิลปะ

"ความสมบูรณ์" ของประเพณีนี้เปรียบได้กับการทอพรม ซึ่งสามารถชื่นชมความงามและความสำคัญของด้ายแต่ละเส้นได้ในศูนย์รวมของด้ายจำนวนมากที่ประกอบกันเป็นลวดลายทั้งหมดเท่านั้น อีกภาพหนึ่งเป็นภาพโมเสก ซึ่งกระเบื้องชิ้นเล็ก ๆ แต่ละชิ้นอาจมีความสวยงามในตัวมันเอง แต่ความงามที่แท้จริงของงานมาจากภาพที่สร้างสรรค์ผ่านชิ้นงานหลาย ๆ ชิ้น

ในขณะที่เราพยายามชื่นชมประเพณีของคริสตจักรของเรา เราถูกชักนำให้ตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับองค์ประกอบหลายอย่างที่แสดงการสถิตอยู่ของพระวิญญาณบริสุทธิ์ในคริสตจักรในเวลาและสถานที่ เราได้จัดการกับพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์แล้วและเราได้เห็นว่าพันธสัญญาใหม่พัฒนาขึ้นอย่างไรจากความต้องการของคริสตจักรที่จะรักษาประจักษ์พยานของผู้เห็นเหตุการณ์เกี่ยวกับชีวิตของพระเยซูและคำสอนที่อัครสาวกทิ้งไว้ให้คริสตจักร

ตอนนี้เราจะมุ่งเน้นไปที่ประเพณีที่แสดงผ่าน Church Fathers และงานเขียนของพวกเขา อัครสาวกจะแต่งตั้งผู้นำในชุมชนคริสเตียนทุกแห่ง เช่นเดียวกับที่อัครสาวกต้องตัดสินใจว่าจะให้คำพยานที่ซื่อสัตย์ต่อพระคริสต์อย่างไรให้ดีที่สุด ศาสนจักรในรุ่นต่อๆ ไปจะต้องเลือกวิธีการพูดและการกระทำที่จะแสดงการประทับอยู่ของพระคริสต์ท่ามกลางพวกเขาอย่างแท้จริง

เราเรียกผู้นำคริสตจักรเหล่านี้ที่สืบต่อจากอัครสาวกและสานต่อพันธกิจของคริสตจักรว่า "บิดา" เพราะชีวิตและคำสอนของพวกเขาได้ให้ชีวิตแก่คริสตจักรเช่นเดียวกับที่บรรพบุรุษผู้ให้กำเนิดชีวิตแก่เรา ผู้นำเหล่านี้ไม่ได้รับการเรียกอย่างเป็นทางการว่า "บิดา" โดยคริสตจักร แต่ภายหลังได้รับการยอมรับว่ามีบทบาทในการพัฒนา พวกเขาโดดเด่นด้วยความถูกต้องของคำสอน ความศักดิ์สิทธิ์ของชีวิต และการยอมรับจากศาสนจักร กล่าวโดยย่อ บรรดาบิดาเป็นบาทหลวง นักศาสนศาสตร์ และ/หรือครูผู้สอนชีวิตฝ่ายวิญญาณ ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อรักษาความจริงแห่งพระกิตติคุณที่มาจากพระผู้เป็นเจ้าพระบิดาผ่านทางพระคริสต์ จากพระคริสต์ถึงอัครสาวก และจากพวกเขาถึงตัวแทนกลุ่มแรกของชุมชน .

บรรพบุรุษได้รับการพิจารณาว่าเป็นผู้พิทักษ์ความคิดของอัครสาวก พยาน คนรับใช้และผู้ปกป้องประเพณี โฆษกของพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่มีส่วนร่วมในการก่อตั้งคริสตจักรในโลกขนมผสมน้ำยา (กรีก) บิดาเป็นหนึ่งเดียวกันกับศาสนจักร เพราะกิจกรรมทั้งหมดของพวกเขาอยู่ในการรับใช้ของเธอ พวกเขาตอบสนองความต้องการในชีวิตของเธอ บริการนี้มีหลายรูปแบบ: ปกป้องศรัทธาในสภาสากลจากคำสอนนอกรีต นิยามศาสนจักรในแง่มุมภายในผ่านงานเขียน ก่อตั้งสถาบันการกุศลและพยายามรับใช้ผู้ด้อยโอกาส สอนนักบวชที่ต้องการยอมรับความเชื่อ การเทศนา และ/หรือนิยามความจริงที่ตกทอดมาจากเหล่าอัครสาวกให้แม่นยำยิ่งขึ้นเพื่อคงไว้สำหรับยุคต่อๆ ไป งานของพวกเขาอธิบายได้ดีที่สุดจากคำพูดของคอนดัค ซึ่งขับร้องในวันปาล์มซันเดย์ เมื่อเราจำผู้เข้าร่วมของสภาสากลหกชุดแรกได้:

คำเทศนาของอัครสาวกและคำสอนของบิดาสนับสนุนความเชื่ออันเดียวของพระศาสนจักร มันสวมเสื้อคลุมแห่งความจริงที่ทอจากเทววิทยาสวรรค์ เปิดเผยความลึกลับอันยิ่งใหญ่อย่างถูกต้องในขณะที่เขาเฉลิมฉลองปาฏิหาริย์นี้!

การพิจารณาส่วนบุคคล

ทำรายชื่อ Church Fathers ที่คุณรู้จักดีที่สุด

บทอ่านใดจาก Church Fathers ที่สำคัญสำหรับคุณ

ทำไมเราควรศึกษา Church Fathers?

ก่อนที่เราจะดูชีวิตและงานของบิดาในคริสตจักรสองสามคน ลองนึกถึงคำถามที่คริสเตียนหลายคนอาจถามตัวเองว่า: "บิดาของคริสตจักรคือ - แม้ว่าพวกเขาจะเป็นคริสเตียนที่ยิ่งใหญ่ในสมัยโบราณ - สำคัญมากที่เรายังคงอ้างถึงพวกเขาในปัจจุบัน ?” เรามีพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ พระวจนะที่ได้รับการดลใจจากพระเจ้า พระบิดาเหล่านี้ให้อะไรเราได้อีก

หากเราเชื่อว่าพระวิญญาณดำเนินชีวิตและทำงานในศาสนจักรอย่างต่อเนื่อง และประเพณีเป็นการสำแดงให้เห็นถึงการทรงสถิตและการนำทางของพระองค์ การแสดงออกของประเพณีทั้งหมดก็เป็นสัญญาณว่าพระองค์อยู่ท่ามกลางพวกเรา ยิ่งกว่านั้น เนื่องจากเป็นพระวิญญาณองค์เดียวกันในการทำงาน การทำงานในเวลาและสถานที่ต่างๆ กันจึงสอดคล้องกับสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ การมีส่วนร่วมพิเศษของบรรดาบิดาคือการนำเสนอข่าวสารพระกิตติคุณฉบับเดียวกันในแบบที่สะท้อนถึงสถานการณ์ชีวิตที่หลากหลายซึ่งพระศาสนจักรประสบอยู่

ความต่อเนื่องนี้ปรากฏให้เห็นในความรักอันยิ่งใหญ่ของพระบิดาที่มีต่อพระไตรปิฎก ซึ่งปรากฏให้เห็นในการศึกษาคำอธิษฐาน พวกเขาคิดถึงพระคัมภีร์ตลอดเวลา สำหรับพวกเขา การอ่านพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์มีความหมายเหมือนกันกับการเปลี่ยนใจเลื่อมใสสู่พระคริสต์ ไม่ใช่เพื่อการศึกษา แต่เป็นแรงจูงใจภายในและชีวิต ความหมายทั้งหมดของพระวจนะของพระเจ้าที่มีต่อศาสนจักร Fathers อยู่ที่การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในผู้เชื่อ พระวจนะของพระเจ้ากลายเป็นแหล่งคำสั่งสอนที่ไม่สิ้นสุดสำหรับครูเหล่านี้ พวกเขาคิดในแง่ของพระคัมภีร์และอยู่กับมันตลอดเวลา งานเขียนเชิงอภิบาล งานเขียนเชิงจิตวิญญาณและแบบดันทุรังจำนวนมากของพวกเขาเป็นเพียงข้อคิดเห็นเกี่ยวกับพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์

อย่างไรก็ตาม บรรพบุรุษไม่ได้มีชีวิตอยู่ในสมัยพระคัมภีร์ โลกของพวกเขาส่วนใหญ่เป็นอาณาจักรกรีก-โรมัน แหล่งที่มาของวัฒนธรรมตะวันตกสมัยใหม่ของเรา ลักษณะเฉพาะของการบริจาคของพวกเขาคือ ภายใต้การนำทางของพระวิญญาณบริสุทธิ์ พวกเขาแสดงความเชื่อตามพระคัมภีร์ในรูปแบบใหม่ ในรูปแบบที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมตะวันตก ในขณะที่ยังคงความต่อเนื่องกับข้อความในพระคัมภีร์

การดูแลของพระบิดาที่มีต่อศาสนจักรมักเข้มข้นขึ้นเนื่องจากวิกฤตการณ์ในชีวิตของศาสนจักร มีหลายครั้งในช่วงต้นศตวรรษที่คริสเตียนหลายคนสับสนเกี่ยวกับคำสอนพื้นฐานของคริสเตียนเกี่ยวกับพระเจ้าและตำแหน่งของพระคริสต์และพระวิญญาณบริสุทธิ์เกี่ยวกับพระบิดา บรรพบุรุษเหล่านี้อาศัยอยู่ในจุดเปลี่ยนที่ยิ่งใหญ่เหล่านี้ ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนในความคิดและชีวิตของคริสเตียน หมกมุ่นอยู่กับการสวดอ้อนวอนและพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ และชี้ทิศทางของศาสนจักร

ตัวอย่างเช่น เมื่อพวกอาเรียนนอกรีตท้าทายศาสนจักรด้วยมุมมองที่ผิดเพี้ยนต่อพระเจ้า บรรดาพ่อผู้ศักดิ์สิทธิ์ก็แสดงตนว่าเป็นผู้พิทักษ์ความจริง

เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ดลใจให้สร้างลัทธิสงฆ์ บรรดาพ่อศักดิ์สิทธิ์ได้วาง "วิถีแห่งความสมบูรณ์แบบ" ให้คนหลายพันคนปฏิบัติตาม

เมื่อภาษาของมนุษย์เปราะบางเกินกว่าจะถ่ายทอดข่าวสารแห่งพระกิตติคุณ เหล่าบิดาก็พบถ้อยคำที่แสดงความจริงอย่างน้อยบางส่วนและอธิบายส่วนที่เหลือด้วยชีวิตของพวกเขา

นี่คือวิธีที่ผ่านคำสอนและงานเขียนของบรรพบุรุษของศาสนจักร การทรงนำของพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ปรากฏให้เห็นในศาสนจักรในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดบางช่วงของประวัติศาสตร์ การแสดงออกถึงความเชื่อที่มีชีวิตของเราที่มอบให้เราในชีวิตและคำสอนของพระบิดายังคงอยู่กับเราในทุกวันนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในงานพิธีกรรมของเรา

เมื่อเราพูดถึงการฟื้นคืนพระชนม์ด้วยความยินดี เราหันไปใช้ความคิดของนักบุญยอห์นแห่งดามัสกัส ซึ่งแสดงไว้ใน Canon of Paschal Tuesday

เมื่อใดก็ตามที่เราเฉลิมฉลองศีลมหาสนิท คำพูดของนักบุญยอห์น ไครซอสทอมหรือนักบุญบาซิลมหาราชคือคำอธิษฐานในใจของเรา

เมื่อพระสังฆราชของเราเฉลิมฉลองพิธีสวดศักดิ์สิทธิ์ท่ามกลางคริสตจักรที่รวมตัวกัน คำพูดของนักบุญอิกเนเชียสแห่งอันทิโอกมีชีวิตขึ้นมา: "พระสังฆราชอยู่ที่ไหน ที่นั่นทั้งคริสตจักร"

พิธีสวดของเราเทศนาด้วยพระวิญญาณองค์เดียวกับที่ทรงนำบรรดาพ่อของศาสนจักรในการเทศนา การสอน และการดูแลอภิบาล เราทุกคนได้พบกับบรรพบุรุษของคริสตจักร เราทุกคนรู้จักพ่อของศาสนจักร ตอนนี้เราได้รับเชิญให้ทำความรู้จักกับความฝันให้ดีขึ้น

ตอนนี้เป็นเวลาที่จะพิจารณาอย่างใกล้ชิดเกี่ยวกับพ่อของศาสนจักรเหล่านี้ คำสอนและงานเขียนของพวกเขา เพื่อความสะดวกของเราในการระลึกถึงพระบิดาของศาสนจักรและบริบทที่พวกเขาปฏิบัติศาสนกิจ เราจะจัดกลุ่มตามลำดับเวลาตามปกติ หมวดหมู่ที่ใช้บ่อยอื่นๆ แสดงชื่อ Church Fathers ตามภาษาที่พวกเขาพูด (กรีก ละติน ซีเรียแอก) หรือตามสำนักคิดที่พวกเขาติดตาม

การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในตำแหน่งฆราวาสของศาสนจักรเกิดขึ้นเมื่อต้นศตวรรษที่ 4 เมื่อจักรพรรดิคอนสแตนตินยุติการกดขี่ข่มเหงชาวคริสต์และเริ่มกระบวนการช่วยเหลือทางราชการสำหรับศาสนจักร ซึ่งในที่สุดทำให้ศาสนาคริสต์กลายเป็นศาสนาทางการของโรมัน จักรวรรดิ

การแสดงนัยสำคัญครั้งแรกของการแทรกแซงของรัฐบาลในชีวิตของศาสนจักรคือสภาแห่งไนเซีย ซึ่งจัดโดยจักรพรรดิคอนสแตนตินในปี 325 เนื่องจากสภานี้เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญในประวัติศาสตร์ของศาสนจักร บิดาของศาสนจักรจึงเป็น ตามธรรมเนียมแล้วแบ่งออกเป็นผู้ที่ทำงานก่อนสภานี้ (บรรพบุรุษยุคก่อนไนซีน) และผู้ที่ทำงานหลังสภานี้ (พ่อโพนิซ)

บรรพบุรุษของโบสถ์ Prednice

บรรพบุรุษผู้เผยแพร่ศาสนา

พระเยซูมีชีวิตอยู่ในช่วงสามของศตวรรษแรก อัครสาวกที่พระองค์ทรงเลือกให้รับใช้ต่อไปอีก 30 ปี งานเขียนที่สามารถลงวันที่ได้ตั้งแต่รุ่นต่อจากอัครสาวกทันที เช่น ตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของศตวรรษแรก พวกเขาเป็นที่รู้จักในฐานะบิดาผู้เผยแพร่ศาสนา ข้อเขียนเหล่านี้ให้ข้อบ่งชี้ถึงเจตคติทางศีลธรรม พิธีกรรมและระเบียบวินัยของคริสตจักรในศตวรรษที่หนึ่งและสอง

การกระทำของผู้พลีชีพหลายคนก็มาจากช่วงเวลานี้เช่นกัน พวกเขาบรรยายถึงสถานการณ์ที่ไม่มั่นคงของศาสนจักรในยุคแรกท่ามกลางการข่มเหง พวกเขาให้ข้อมูลเชิงลึกแก่เราว่าผู้เชื่อใช้ชีวิตและตอบสนองอย่างไรในช่วงเวลาแห่งความทุกข์ยากเหล่านี้ และวิธีที่เพื่อนบ้านที่ไม่ใช่คริสเตียนของพวกเขารับรู้พวกเขา

ข้อมูลที่ชัดเจนที่สุดในช่วงเวลานี้มาจากจดหมาย และเรารู้จักบุคคลสองคนจากจดหมายที่พวกเขาเขียนซึ่งมีอายุยืนยาวหลายศตวรรษ

อิกเนเชียสแห่งอันทิโอก (แคลิฟอร์เนีย 30 – แคลิฟอร์เนีย 115)

อันทิโอกบนแม่น้ำ Orontes เป็นหนึ่งในเมืองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกยุคโบราณ และกลายเป็นศูนย์กลางที่สำคัญของความคิดของคริสเตียนและกิจกรรมเผยแผ่ศาสนาอย่างรวดเร็ว กิจการของอัครสาวกบอกเราว่า "ในเมืองอันทิโอก พวกสาวกถูกเรียกว่าคริสเตียนเป็นครั้งแรก" (กิจการ 11:26) คริสตจักรแห่งอันทิโอกสนับสนุนการเดินทางเผยแผ่ศาสนาที่ยิ่งใหญ่สามครั้งของนักบุญเปาโล ซึ่งอธิบายไว้ในหนังสือกิจการอัครสาวก ประเพณีบอกเราว่านักบุญเปโตรเป็นผู้เลี้ยงแกะของชุมชนแรกในเมืองอันทิโอก และอิกญาซีอุสเป็นผู้สืบทอดของเขา

Ignatius ถูกตัดสินประหารชีวิตเพราะความเชื่อในศาสนาคริสต์ของเขา และโชคของเราคือจดหมาย 7 ฉบับที่มีสาเหตุมาจากเขาได้หายไปในประวัติศาสตร์ จดหมายทั้งเจ็ดฉบับที่ท่านเขียนถึงชุมชนต่างๆ ระหว่างทางไปกรุงโรมจนถึงแก่กรรมเป็นเครื่องยืนยันที่ทรงพลังถึงพลังแห่งความเชื่อของคริสเตียนในช่วงแรกๆ ของชีวิตคริสตจักร

จดหมายของอิกเนเชียสมีใจความหลักประการเดียว คือ เอกภาพของพระศาสนจักร เมื่ออิกเนเชียสเขียนในหัวข้อนี้ เขาให้ข้อบ่งชี้แรกที่สำคัญมากเกี่ยวกับความเข้าใจของคริสตจักรเกี่ยวกับศีลมหาสนิทและบทบาทของพระสังฆราช

เคลเมนต์แห่งโรม (? – 101)

Clement of Rome ดูเหมือนจะเป็นบิชอปของเมืองสำคัญนี้ในปลายศตวรรษที่หนึ่ง จดหมายหลายฉบับมีสาเหตุมาจากเขา แต่มีเพียง "จดหมายถึงชาวโครินธ์" เท่านั้นที่ถือว่าเป็นของแท้ในปัจจุบัน เคลเมนท์เตือนชุมชนชาวคริสต์ในเมืองโครินธ์ให้ระวังปัญหาเดียวกันกับการแตกแยกในจดหมายของนักบุญเปาโลถึงชาวโครินธ์ เขาแนะนำให้เชื่อฟังอธิการเป็นหลักประกันความสามัคคีในโครงสร้างของศาสนจักร

ขอโทษ

แม้ว่างานเขียนของบรรพบุรุษผู้เผยแพร่ศาสนาจะเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันและประเด็นด้านอภิบาลมากกว่า แต่กลุ่มต่อไปของเรามีลักษณะเด่นคือการนำเสนอความเชื่ออย่างเป็นระบบมากขึ้น นักบุญเปโตรแนะนำให้ผู้ที่รับบัพติศมาทุกคนเตรียมพร้อมที่จะกล่าวถึงความเชื่อของพวกเขา คำภาษากรีกสำหรับ "เป็นพยาน" เพื่ออธิบายหรือแก้ต่างคือผู้ขอโทษ. บิดาที่ปกป้องศาสนาคริสต์และอธิบายให้เข้าใจได้กับวัฒนธรรมกรีก-โรมันในสมัยนั้นจึงเรียกว่า "ผู้ขอโทษ" (เราต้องทราบว่าชื่อนี้ไม่มีความหมายสมัยใหม่ของเราสำหรับคำว่าขอโทษในฐานะ "แสดงความเสียใจ" หรือ "เสียใจกับการกระทำของตนเอง" แต่คำขอโทษของคริสเตียนคือผู้ที่ยืนหยัดและปกป้องศาสนาคริสต์จากข้อกล่าวหาที่ไม่ยุติธรรม)

ดังนั้นผู้ขอโทษจึงเขียนถึงผู้ฟังที่ไม่ใช่คริสเตียนและจัดข้อโต้แย้งของพวกเขาให้โน้มน้าวใจมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ คนอย่างนักบุญจัสติน มรณสักขี เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับบทบาทนี้ เพราะพวกเขาศึกษาปรัชญากรีกอย่างถี่ถ้วน อันที่จริง จัสตินก็เหมือนกับพอล อธิบายว่าการค้นหาความจริงทำให้เขากลายเป็นคริสเตียนได้อย่างไร

ผู้ขอโทษเขียนภายใต้เงื่อนไขที่ยากลำบากและรูปแบบของพวกเขาจำเป็นต้องมีการโต้แย้ง เช่น เจ โจมตีหรือหักล้างความคิดเห็นหรือหลักการของผู้อื่นอย่างก้าวร้าว คริสตจักรเห็นว่าจำเป็นต้องขัดเกลาถ้อยแถลงจำนวนมากเมื่อการพิจารณาทางเทววิทยาซับซ้อนมากขึ้น งานเขียนของผู้ขอโทษทำให้เรามีประจักษ์พยานที่สำคัญเกี่ยวกับความมีชีวิตของความเชื่อของคริสเตียนในสภาพแวดล้อมที่ไม่เป็นมิตร และความจำเป็นในการเป็นพยานที่ซื่อสัตย์ต่อพระคริสต์ "ต่อคนทั้งโลก"

พ่อที่ต่อต้านการนอกรีต

บรรพบุรุษที่ต่อต้านลัทธินอกรีตปกป้องคำสอนของคริสเตียนที่แท้จริงจากนิกายต่างๆ ที่พัฒนาความเข้าใจที่ผิดหรือไม่สมบูรณ์เกี่ยวกับพระคริสต์และแยกตัวออกจากคริสตจักรคาทอลิก ตัวแทนที่สำคัญที่สุดของกลุ่มนี้คือ Saint Irenaeus of Lyons งานของเขาต่อต้านนอกรีตให้เกณฑ์โครงสร้างของศรัทธาที่แท้จริงในคำสอนของเขาเกี่ยวกับการเชื่อฟังพระสังฆราชที่สามารถแสดงให้เห็นว่าพวกเขาเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งอัครสาวก นอกจากนี้เขายังอธิบายความเชื่อของคริสเตียนที่แท้จริงซึ่งตรงข้ามกับคำสอนเท็จของนิกายต่างๆ คำอธิบายของ Irenaeus เกี่ยวกับวิธีที่เราได้รับความรอดในพระคริสต์กลายเป็นบทสรุปคลาสสิกของความเชื่อของคริสเตียนสำหรับการพัฒนาที่ตามมาทั้งหมด: "พระเจ้ากลายเป็นมนุษย์เพื่อทุกคนจะกลายเป็นพระเจ้า"

โรงเรียนอเล็กซานเดรีย

โรงเรียนอเล็กซานเดรียนเป็นกลุ่มพ่อที่สำคัญอีกกลุ่มหนึ่งในยุคก่อนไนซีน อเล็กซานเดรียเป็นเมืองสำคัญในยุคนั้นร่วมกับโรมและอันทิโอก ตั้งชื่อตามอเล็กซานเดอร์มหาราช เมืองที่มีความเป็นสากลที่น่าประทับใจแห่งนี้อยู่ที่ปากแม่น้ำไนล์ในอียิปต์ เป็นศูนย์กลางของอารยธรรมกรีกโบราณและการเรียนรู้

ในยุคก่อนคริสตกาล ชุมชนชาวยิวที่เข้มแข็งในอเล็กซานเดรียคิดว่าเป็นการสมควรที่จะอธิบายความเชื่อของชาวยิวเป็นภาษากรีกที่อยู่รอบๆ ตามที่กล่าวไว้ในบทที่สาม "คัมภีร์ไบเบิล" อย่างเป็นทางการของคริสตจักรคริสเตียนยุคแรกจะกลายเป็นการแปลพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของชาวยิว - พระคัมภีร์ไบเบิล

ชุมชนชาวยิวที่เข้มแข็งแห่งนี้ได้ให้พื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์แก่มิชชันนารีคริสเตียน และแม้ว่าต้นกำเนิดทางประวัติศาสตร์ของชุมชนชาวคริสต์ในอเล็กซานเดรียจะไม่ชัดเจน แต่ในช่วงต้นศตวรรษที่ 2 ศาสนาคริสต์ก็ได้รับการสถาปนาอย่างดีในศูนย์กลางเมืองใหญ่แห่งนี้

เคลเมนต์แห่งอเล็กซานเดรีย (150 – 215)

Clement of Alexandria เป็นนักเขียนคนสำคัญคนแรกที่เกี่ยวข้องกับโรงเรียนสอนศาสนาแห่งอเล็กซานเดรีย เราสามารถเปรียบสถาบันการศึกษาที่มีการจัดระเบียบนี้กับ "คลังความคิด" สมัยใหม่ของเรา ซึ่งผู้คนที่มีความสนใจคล้ายกันมารวมตัวกันเพื่อศึกษาและเรียนรู้ภายใต้การแนะนำของ "ปรมาจารย์" หรือผู้นำ ก่อนที่เขาจะกลายเป็นคริสเตียน Clement ศึกษาปรัชญากรีกคลาสสิกซึ่งเป็นที่นิยมมากในอเล็กซานเดรีย และงานเขียนส่วนใหญ่ของเขาอุทิศให้กับความเข้าใจในพระกิตติคุณของคริสเตียนจากมุมมองของปรัชญา Neoplatonic ที่เป็นที่นิยมในขณะนั้น Klement ยังทิ้งงานเขียนที่เขาจัดการกับปัญหาในทางปฏิบัติมากมายในชีวิตประจำวัน

กำเนิด (185 – 254)

Origen เป็นลูกชายของครอบครัวคริสเตียน เขาบอกเราว่าพ่อของเขาเสียชีวิตเพราะศรัทธาของเขาและแม่ของเขาต้องซ่อนเสื้อผ้าของเขาเพื่อป้องกันไม่ให้เขาหลบหนีและได้รับเกียรติในฐานะผู้พลีชีพ Origen ได้รับการศึกษาแบบคลาสสิกและกลายเป็นหัวหน้าโรงเรียน Alexandrian หลังจาก Clement จิตใจที่ปราดเปรื่องของเขากว้างขวางและผลงานมากมายที่เขาสร้างขึ้นนั้นน่าประทับใจอย่างแท้จริง การใช้ปรัชญากรีกอย่างกล้าหาญนำไปสู่ปัญหาต่อศาสนจักรในเวลาต่อมา และตัวเขาเองต้องเข้าไปพัวพันกับการโต้เถียงตลอดชีวิตของเขา คริสตจักรในศตวรรษต่อมาปฏิเสธอย่างเปิดเผยที่จะยอมรับงานเขียนของ Origen ในฐานะผู้มีอำนาจ และถึงกับประณามคำสอนของเขาโดยตรง โดยกล่าวว่าในหลายพื้นที่พวกเขาไม่เห็นด้วยกับจารีตประเพณี สิ่งนี้ชี้ให้เห็นถึงองค์ประกอบที่สำคัญในความคิดของบรรดาพ่อของศาสนจักร ไม่ใช่ครูคริสเตียนในยุคแรกทุกคนจะเป็นพระบิดาของศาสนจักรโดยอัตโนมัติ แต่มีเพียงผู้ที่รับรู้การสถิตอยู่ของพระวิญญาณบริสุทธิ์

ต่อมาตัวแทนของความคิดของอเล็กซานเดรีย เช่น Athanasius และ Cyril มีอิทธิพลมากที่สุดในการกำหนดการพัฒนาความคิดของคริสเตียนและความเชื่อ โรงเรียนอเล็กซานเดรียนจะกลายเป็นผู้สนับสนุนหลักในมุมมองเรื่องความรอดธีโอซิส, เช่น. เจ เทววิทยาที่จะเป็นรากฐานของเทววิทยาตะวันออกส่วนใหญ่

ตัวแทนของโรงเรียนอเล็กซานเดรียก่อนหน้านี้ได้รับการยกย่องสำหรับการอภิปรายมากกว่าข้อสรุป พวกเขาพยายามสร้างสะพานเชื่อมระหว่างความคิดกรีกผสมน้ำยากับพระกิตติคุณของคริสเตียน พวกเขากำหนดทิศทางที่ศาสนจักรจะดำเนินการในยุคทอง Patristic Age ต่อไปนี้

พ่อทะเลทราย

ในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่สาม ชายและหญิงที่มุ่งมั่นซึ่งยังคงมีความทรงจำที่ชัดเจนเกี่ยวกับการกดขี่ข่มเหงของชาวโรมันพยายามเลียนแบบผู้พลีชีพเพื่อความซื่อสัตย์ต่อพระบัญชาของพระกิตติคุณโดยถอนตัวจากศูนย์กลางของอารยธรรมไปยังดินแดนทะเลทราย ที่นั่นพวกเขาใช้การบำเพ็ญตบะของผู้พลีชีพโดยมีการขัดจังหวะและเบี่ยงเบนความสนใจให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ในที่สุด ขบวนการนี้กลายเป็นลัทธิสงฆ์

บิดาและมารดาที่เป็นพระสงฆ์รูปแรกเหล่านี้เกี่ยวข้องกับการนำพระกิตติคุณไปใช้ในชีวิตประจำวัน คำสอนของพวกเขาถูกเก็บรักษาไว้ในชุดคำปราศรัยต่าง ๆ และในงานเกี่ยวกับพระสงฆ์ชุดแรกที่มีผู้มาเยี่ยมชม

คอลเลกชันต่างๆ ของ "คำพูดของพ่อ" มีผลกระทบอย่างมากต่อจิตวิญญาณในคริสตจักร ข้อมูลเชิงลึกที่เรียบง่าย ตรงไปตรงมา แต่ลึกซึ้งเกี่ยวกับชีวิตในพระคริสต์เป็นสมบัติล้ำค่าที่เราสามารถดึงมาใช้ได้ครั้งแล้วครั้งเล่า

ในบรรดาผลงานที่โด่งดังที่สุดเกี่ยวกับพ่อและแม่คนแรกของวัดคือชีวิตของ Anton โดย Athanasius และ Palladioประวัติโลสิแอค. บิดาชาวตะวันตกคนสำคัญหลายคนเขียนเกี่ยวกับประสบการณ์ของพวกเขาที่มีต่อลัทธิสงฆ์ในยุคแรก ๆ อย่างกว้างขวาง (เช่น แคสเซียน ฮิลารีแห่งปัวตีเย และเจอโรม) และด้วยเหตุนี้สมบัติล้ำค่าของศาสนจักรตะวันออกจึงมีส่วนสำคัญต่อจิตวิญญาณของชาวตะวันตก

การพิจารณาส่วนบุคคล

Abba Dorotej บิดาแห่งทะเลทรายคนหนึ่งใช้ตัวอย่างที่โดดเด่นเป็นพิเศษเมื่อส่งข้อความ มีการเล่าเรื่อง:

วันหนึ่งขณะที่เขากำลังพูดคุยกับพี่น้องตลอดเวลาเกี่ยวกับความรักที่มีต่อพระเจ้าและความรักที่มีต่อกัน เขาได้ดึงล้อเกวียนขนาดใหญ่เข้ามาตรงกลางพี่น้อง เขาขอให้ทุกคนมองดูเขา "รังสีแต่ละดวงเป็นเส้นทางชีวิตของเรา" เขาบอกพวกเขา "เริ่มจากขอบด้านนอก เราทุกคนเดินทางไปที่ศูนย์กลาง สู่ศูนย์กลาง ซึ่งก็คือพระคริสต์"

“แต่” เขากล่าวเสริม “คุณจะสังเกตได้ว่าเมื่อรังสีแต่ละเส้นเข้าใกล้ฮับมากขึ้น รังสีอื่นๆ ก็จะยิ่งเข้าใกล้มากขึ้นด้วย ไม่มีทางอื่น ถ้าเราเข้าใกล้พระคริสต์มากขึ้น เราก็เข้าใกล้กันและกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ในทางกลับกัน ถ้าเราไม่เข้าใกล้กันมากขึ้น เราก็ไม่สามารถพูดได้ว่าเรากำลังเข้าใกล้พระคริสต์มากขึ้น ถ้าเราทำเช่นนั้น เราก็แค่กำลังหลอกตัวเอง”

อะไรคือสัญญาณที่แท้จริงของการเติบโตในชีวิตฝ่ายวิญญาณของคุณ?

คุณเห็นสัญญาณอะไรที่ยืนยันเรื่องนี้? ในครอบครัวของคุณ? เพื่อนบุญธรรม? ในตำบลของคุณ?

สมัยโพนีเชียน

ศตวรรษที่สี่ถือเป็นจุดสูงสุดของยุค patristic ในปี ค.ศ. 350-400 ศาสนจักรได้เห็นยุคทองของความคิดแบบรักร่วมเพศ ในระหว่างที่บิดาแห่งศาสนจักรตะวันออกและตะวันตกผู้ยิ่งใหญ่เจ็ดคนขึ้นไปบนที่สูงและทิ้งงานเขียนที่ยิ่งใหญ่ของศาสนจักรไว้ในรูปแบบของจดหมาย การต้อนรับ ข้อคิดเห็นเกี่ยวกับพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ สถาบันการกุศลและข้อเสนอแนะในการปฏิรูปสังคม

ในปี 313 เพียง 12 ปีก่อนสภาแห่งไนซีอา ศาสนจักรเห็นการยุติการประหัตประหารด้วยคำสั่งของมิลานที่ออกโดยคอนสแตนตินที่ 1 หลังจากนั้นไม่นาน ศาสนาคริสต์ก็กลายเป็นศาสนาหลักอย่างเป็นทางการของจักรวรรดิโรมัน

ศตวรรษหลังจาก Nicene Council มีความสำคัญมากสำหรับคริสตจักรคริสเตียน ตำแหน่งใหม่ภายในอาณาจักรโรมันนำไปสู่ความขัดแย้งที่สำคัญหลายชุดซึ่งกำหนดรูปแบบชีวิตของคริสตจักรสำหรับผู้เชื่อรุ่นต่อ ๆ ไปทั้งหมด บรรพบุรุษของคริสตจักรที่พระเจ้าใช้ในการตัดสินใจเหล่านี้มักถูกรวมเข้าด้วยกันและถือว่าเป็น "ยุคทอง" ของบรรพบุรุษของคริสตจักร

มีความมั่งคั่งมากมายในงานเขียนของบรรพบุรุษของคริสตจักรในยุคนี้ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะให้ความสนใจอย่างเหมาะสมที่นี่ นักเขียนศาสนศาสตร์บางคนต่อสู้กับคำถามสำคัญว่าพระคริสต์คือใครจริงๆ นักบุญบาซิลมหาราชได้สร้างกฎหมายที่กว้างขวางที่สุดในภาคตะวันออก จุดเริ่มต้นของประวัติศาสตร์สามารถพบได้ในงานเขียนของ Eusebius of Caesarea (260-340) บิดาแห่งประวัติศาสตร์คริสตจักร การปรับปรุงการเทศนานั้นดีที่สุดโดยนักบุญยอห์น ไครซอสตอม

เราสามารถลิ้มรสสมบัติล้ำค่าเหล่านี้ด้วยความหวังว่าสิ่งเหล่านั้นจะกระตุ้นความกระหายในการศึกษาอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้นและสวดอ้อนวอนเกี่ยวกับยักษ์ใหญ่แห่งศรัทธาของเราเหล่านี้ ดังนั้น ตอนนี้เราจะให้ภาพรวมสั้น ๆ เกี่ยวกับชีวิตของบรรพบุรุษคริสตจักรหลายคน พร้อมกับข้อความที่ตัดตอนมาจากผลงานของแต่ละคน เราควรจำไว้ว่าบรรพบุรุษเหล่านี้ (ยกเว้นออกัสติน) แห่งยุคทองไม่ได้เป็นผู้ริเริ่มกระแสแห่งความคิดมากเท่ากับผู้อนุรักษ์งานที่ได้เริ่มไปแล้ว อัจฉริยะของพวกเขาอยู่ในออร์โธดอกซ์มากกว่าความคิดริเริ่ม

บิดาแห่งยุคทอง

ก่อนที่เราจะดูพ่อแต่ละคนโดยสังเขป เรามาสรุปลักษณะทั่วไปของพวกเขากันก่อน ด้วยข้อยกเว้นหนึ่งหรือสองข้อ บิดาแห่งยุคทอง:

พวกเขาเกิดและเติบโตในฐานะคริสเตียน

พวกเขามาจากชนชั้นสูงของสังคมโรมัน

พวกเขาได้รับการศึกษาที่คาดหวังจากขุนนาง

พวกเขาได้รับอิทธิพลจากแม่หรือพี่สาวในทางที่ดีขึ้น

พวกเขาเริ่มต้นอาชีพทางโลก โดยปกติแล้วเป็นครู

พวกเขา "เปลี่ยนใจเลื่อมใส" เมื่ออายุราวสามสิบปี

พวกเขาเริ่มใช้ชีวิตแบบสงฆ์

พวกเขาออกจากชีวิตสงฆ์เพื่อรับใช้พระศาสนจักรในฐานะพระสังฆราช

พวกเขาเป็นนักคิดทางศาสนาผู้ยิ่งใหญ่ซึ่ง "งานเขียน" (แต่แรกเริ่มเป็นแบบปากเปล่าในยุคของการเทศนาและสุนทรพจน์) มักมีชื่อว่า "ต่อต้าน ... (บางสิ่ง)" และเต็มไปด้วยความเชื่อและคำอธิบายในพระคัมภีร์ไบเบิล

พวกเขาเป็นผู้พิทักษ์ศิษยาภิบาลของ Nicene orthodoxy มากกว่าเป็นผู้ริเริ่มความคิดใหม่

สามพ่อ Cappadocian และ Saint John Chrysostom

The Cappadocian Fathers ซึ่งตั้งชื่อตามจังหวัดบ้านเกิดของพวกเขาในตุรกีปัจจุบัน มีชื่อเรียกเฉพาะว่า "Church Fathers" พวกเขาคือ Basil the Great เพื่อนสนิทของเขา Gregory of Nazianzus และ Gregory of Nyssa น้องชายของ Basil การมีส่วนร่วมที่ยิ่งใหญ่ของพวกเขาอยู่ในการต่อสู้อย่างไม่หยุดยั้งกับ Arianism (ลัทธินอกรีตที่ปฏิเสธความเป็นพระเจ้าของพระคริสต์) และในการกำหนดเทววิทยาของการให้กำเนิดพระบุตรและการเสด็จมาของพระวิญญาณบริสุทธิ์

เบซิลมหาราช (329 – 379)

Basil the Great เป็นผู้ดูแลที่มีความสามารถมากและก่อตั้งชุมชนสงฆ์ซึ่งเขาได้เขียนกฎที่กลายเป็นต้นแบบคลาสสิกสำหรับความพยายามที่คล้ายคลึงกันทั้งหมด เธอแสดงให้เห็นว่าพื้นฐานของลัทธิสงฆ์ในชุมชนคือความเป็นไปได้ที่จะรับใช้กันและกันด้วยความรัก เบซิลยังให้แรงผลักดันที่ดีในการช่วยเหลือคนยากจนโดยจัดให้มีการเสนอความช่วยเหลือร่วมกัน เช่น การจัดตั้งโรงพยาบาล สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า และผู้ลี้ภัยสำหรับหญิงม่ายและคนยากจน ผ่านจดหมายของเขา เราเห็นความกังวลของเขาที่มีต่อปัญหาสังคมในยุคนั้น และเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ที่เห็นว่าปัญหาเหล่านี้เป็นปัญหาเดียวกับที่ทำให้เราทุกข์ใจในทุกวันนี้ รุ่นของ Divine Liturgy ที่มีชื่อของ Basil ยังคงใช้มาจนถึงทุกวันนี้ ปีละ 10 ครั้ง และงานเขียนของเขาเกี่ยวกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ยังคงมีความสำคัญขั้นพื้นฐาน ข้อความที่ตัดตอนมาจากบทความที่มีชื่อเสียงของเขาเรื่อง The Holy Spirit อธิบายถึงการทำงานของพระวิญญาณในชีวิตของเรา:

แต่ละคนที่ได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์ก็จะได้รับในลักษณะพิเศษ แต่พระคุณที่พระวิญญาณเทลงมาก็มากเกินพอสำหรับมวลมนุษยชาติ ทุกคนที่มีส่วนร่วมทำเช่นนั้น ไม่ใช่ตามขนาดพลังของเขา แต่ตามความสามารถของแต่ละคน... เมื่อเขาฉายแสงไปที่ผู้ที่สะอาดจากทุกคราบ เขาทำให้พวกเขาเป็นหนึ่งเดียวกับจิตวิญญาณ เช่นเดียวกับแสงตะวันที่ตกกระทบวัตถุที่โปร่งใสและสว่างทำให้วัตถุเหล่านั้นสว่างขึ้นและทำให้วัตถุเหล่านั้นสะท้อนความแวววาว ดังนั้น จิตวิญญาณที่มีพระวิญญาณและได้รับการตรัสรู้จากพระวิญญาณเองก็กลายเป็นจิตวิญญาณและส่งพระคุณไปยังผู้อื่น

สิ่งนี้ทำให้เรารู้ล่วงหน้าถึงอนาคต, เข้าใจความลึกลับ, เข้าใจสิ่งที่ซ่อนอยู่, แบ่งปันของกำนัลที่ดี, เป็นพลเมืองสวรรค์, สถานที่ในคณะทูตสวรรค์, มีความสุขไม่รู้จบ, ยึดมั่นในพระเจ้า, ภาพลักษณ์ ของพระเจ้าและที่ดีที่สุดคือเราได้เป็นโดยพระเจ้า

เกรกอร์แห่งนาเซียนซุส (329–390)

Gregory of Nazianzus เป็นหนึ่งในนักเขียนสามคนที่ได้รับเกียรติจากคริสตจักรไบแซนไทน์ด้วยตำแหน่ง "นักศาสนศาสตร์" Gregory ปรมาจารย์ด้านภาษาและวรรณคดีกรีก รวมทั้งนักเทศน์ออร์ทอดอกซ์ผู้มีอิทธิพล ได้กำหนดคำสอนของคริสตจักรเกี่ยวกับพระตรีเอกภาพ เนื่องจากจิตใจที่อ่อนโยนและไม่สงบของเขา เกรเกอร์จึงสามารถอุทิศตนเพื่อชีวิตสงฆ์ในช่วงเวลาสั้น ๆ ภายใต้การแนะนำของเพื่อนสนิทของเขาเพรามหาราช ชื่อเสียงของเขาในฐานะนักปราศรัยและนักเทววิทยาส่วนใหญ่มาจากวาทกรรมทางเทววิทยาทั้งห้าของเขา ในวาทกรรมเทววิทยาครั้งที่สอง เขากล่าวถึงการยอมรับพระเจ้าโดยมนุษย์:

สมมติว่าการมีอยู่ของจักรวาลเกิดขึ้นเอง คุณระบุลำดับของอะไร ถ้าคุณต้องการ เราก็อนุญาตเช่นกัน แต่คุณให้เหตุผลใดว่าการอนุรักษ์และการบำรุงรักษาในสภาพของการดำรงอยู่ครั้งแรก? เป็นอย่างอื่นหรือเกิดขึ้นเองด้วย? ไม่ใช่เรื่องบังเอิญอย่างแน่นอน! แต่จะเป็นอะไรได้อีกนอกจากพระเจ้า? นั่นคือ เหตุผล ซึ่งมาจากพระเจ้าและฝังอยู่ในตัวเราทุกคน ซึ่งเป็นกฎข้อแรกของเราและทุกคนมีส่วนร่วม นำเราไปหาพระเจ้าผ่านสิ่งที่เรามองเห็นได้

เกรกอรีแห่งนิสซา (330 – 389)

Gregory of Nyssa เป็นน้องชายของ Basil เขาได้รับการพิจารณาว่าเป็นจิตวิญญาณที่ลึกล้ำและอ่อนไหวที่สุดของคริสตจักรที่รัก และเขาเป็นนักปรัชญาดั้งเดิมและเก็งกำไรเพียงคนเดียวในยุคทองของบรรพบุรุษของคริสตจักรในตะวันออก เขาเป็นผู้วิเศษที่ต่อสู้กับพวกอาเรียนด้วย เขามีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในกิจการของคริสตจักร พูดในสภาและสังฆสภาที่ต้องการคำแนะนำและคำแนะนำ เกรเกอร์แต่งงานแล้วและเรียกงานสูงสุดของเขาในหมู่งานเขียนนักพรตเกี่ยวกับความบริสุทธิ์. เรียกว่าเป็นสุดยอดผลงานดันทุรังสุนทรพจน์ที่ยอดเยี่ยมและถูกอ่านอย่างกว้างขวาง ในงานนี้ Gregor กล่าวถึงความเชื่อหลักของศาสนาคริสต์:

เมื่อเรานึกถึงจักรวาล การทำงานอย่างมีระเบียบของโลก และพรที่ทำงานในชีวิตเรา เรารับรู้ถึงการมีอยู่ของพลังบางอย่างซึ่งมีผลในสิ่งที่เกิดขึ้นมาและรักษาสิ่งที่เป็นอยู่ นอกจากนี้ ในความสัมพันธ์กับข้อเท็จจริงที่ว่าพระเจ้าทรงปรากฏแก่เราในเนื้อหนัง เราจึงทำให้การอัศจรรย์ของปฏิบัติการของพระองค์เป็นเครื่องพิสูจน์ที่น่าพึงพอใจของการเปิดเผยจากเบื้องบน และเรารู้ทุกสิ่งผ่านงานบันทึกของพระองค์ ซึ่งลักษณะแห่งสวรรค์ได้ทิ้งรอยประทับไว้

จอห์น ไครซอสตอม (347 – 407)

John Chrysostom เป็นบิดาชาวกรีกที่อุดมสมบูรณ์และเป็นที่ชื่นชมมากที่สุดและเป็นนักเทศน์ที่มีชื่อเสียงที่สุดตลอดกาล การสอนเทววิทยาที่สมดุลอย่างรอบคอบของเขา พร้อมด้วยลีลาการพูดที่คมคายของเขา ทำให้เขาได้รับสมญานามว่า "ปากทองคำ" (Chrysostomos) เขาตีสอนพระสงฆ์ที่ประมาทและขายสภาพแวดล้อมที่มั่งคั่งเพื่อประโยชน์ของคนจน เขาเรียกร้องให้ทั้งผู้มีอำนาจทางการเมืองและนักบวช “พูดความจริงด้วยความรัก” ความเปิดเผยของเขาทำให้เขาถูกเนรเทศหลายครั้ง ความยากลำบากนั้นทำให้เขาเสียชีวิตในที่สุด ส่วนสำคัญของพิธีสวดศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเราใช้บ่อยที่สุดในประเพณีไบแซนไทน์นั้นมีสาเหตุมาจากเขา ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงเรียกว่า เขามีชื่อเสียงมากที่สุดจากจำนวนคำเทศนาที่เขาแสดงในเมืองอันทิโอกในช่วงสิบสองปีที่นั่น และคำเทศนาเชิงอรรถและการวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับพันธสัญญาเดิมและพันธสัญญาใหม่ นอกจากโฮมิลี่มากมายแล้วยังมีแผ่นพับอีกด้วยเกี่ยวกับความบริสุทธิ์เกี่ยวกับฐานะปุโรหิตและคำสั่งสอนคำสอนของพระองค์ที่เรียกว่าวิสัชนาศีลล้างบาป. จากงานสุดท้ายนี้ เราเรียนรู้ว่าบัพติศมามีผลอย่างไรต่อเรา:

ราวกับว่ามีคนเอารูปปั้นทองของชายผู้หนึ่งซึ่งมัวหมองไปตามกาลเวลา ควัน ฝุ่น และการกัดกร่อนมาหล่อขึ้นใหม่และส่งกลับมาให้เราทำความสะอาดและขัดเงาอย่างสมบูรณ์แบบ เมื่อพระเจ้ารับเอาธรรมชาตินี้ของเรา ซึ่งถูกสนิมแห่งบาปกัดกร่อน และมืดมนไปมากด้วยควันแห่งความผิดพลาดของเรา และปราศจากความงามที่พระองค์ประทานให้ในตอนแรก พระองค์จะทรงหล่อมันขึ้นใหม่ - โยนมันลงในน้ำ (บัพติศมา) เหมือน ในเตาหลอม แทนที่จะใช้ไฟ พระองค์ทรงเทพระคุณของพระวิญญาณออกมา แล้วนำเราออกมาใหม่ สดชื่น และมีความสว่างที่สู้แสงของดวงอาทิตย์ได้ ชายชราถูกบดขยี้และคนใหม่ก็หล่อเหลากว่าเดิม

การพิจารณาส่วนบุคคล

เมื่ออัครสาวกและบรรพบุรุษของคริสตจักรตั้งกฎสำหรับคริสตจักร ตั้งแต่เริ่มต้นพวกเขาปกป้องศักดิ์ศรีของความลึกลับด้วยความเงียบและเป็นความลับ เพราะสิ่งที่บอกใครโดยไม่ตั้งใจนั้นไม่ใช่ความลับเลย เรามีประเพณีที่ไม่ได้เขียนไว้เพื่อให้ความรู้เรื่องหลักปฏิบัติไม่ถูกละเลยและดูหมิ่นด้วยความคุ้นเคย ความเชื่อเป็นสิ่งหนึ่ง kerygma อีกอย่างหนึ่ง อันแรกถูกเก็บไว้อย่างเงียบ ๆ ในขณะที่อันหลังถูกประกาศให้โลกรู้ รูปแบบหนึ่งของความเงียบคือความคลุมเครือที่พบในข้อความบางตอนของพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ และทำให้ยากต่อการเข้าใจความหมายของหลักปฏิบัติบางข้อเพื่อประโยชน์ของผู้อ่านเอง ตัวอย่างเช่น เราทุกคนอธิษฐานโดยหันหน้าไปทางทิศตะวันออก แต่มีเพียงไม่กี่คนที่รู้ว่าเราทำเช่นนั้นเพราะเรากำลังมองหาสวรรค์ บ้านเกิดเก่าของเรา ซึ่งพระเจ้าปลูกไว้ทางทิศตะวันออกในสวนเอเดน

เราทุกคนอธิษฐานในวันอาทิตย์ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่รู้ว่าทำไม ในวันกิยามะฮฺ เราอธิษฐานเพื่อระลึกถึงพระคุณที่เราได้รับ ไม่เพียงเพราะเราได้รับการเลี้ยงดูร่วมกับพระคริสต์และถูกผูกมัดให้แสวงหาสิ่งที่อยู่เบื้องบนเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะวันอาทิตย์ดูเหมือนจะเป็นภาพของยุคต่อไป(เซนต์บาซิลโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์)

วัดของเราสร้างขึ้นทางทิศตะวันออก ซึ่งเตือนเราให้นึกถึงสวรรค์ เราอธิษฐานโดยหันหน้าไปทางทิศตะวันออก - ดวงอาทิตย์ขึ้นและพระบุตรของพระเจ้าที่ฟื้นคืนพระชนม์ ท่าทางการอธิษฐานใดที่เป็นสัญลักษณ์สำหรับคุณมากที่สุด?

St. Basil สร้างความแตกต่างระหว่างความเชื่อและอะเคอริกมาอย่างไร

พ่อตะวันตกแห่งยุคทอง

ปลายศตวรรษที่สี่ อิตาลีและแอฟริกาเหนือกลายเป็นศูนย์กลางที่สำคัญ ในบรรดาพ่อจากพื้นที่นี้ ได้แก่ แอมโบรสแห่งมิลาน เจอโรม และออกัสติน

แอมโบรสแห่งมิลาน (339 – 397)

แอมโบรสแห่งมิลานเป็นผู้ดูแลความเป็นเลิศ. อิทธิพลของเขาขยายไปทั่วภาคเหนือของอิตาลี กอล และยุโรปตะวันออกทั้งในเรื่องการเมืองและศาสนา แอมโบรสเป็นเจ้าหน้าที่พลเรือนที่ได้รับมอบหมายให้ปราบปรามการจลาจลที่ปะทุขึ้นโดยเกี่ยวข้องกับการพ้นจากตำแหน่งสังฆนายกของมิลาน เขาทำงานนี้สำเร็จอย่างดีจนผู้คนเรียกเขาด้วยเสียงไชโยโห่ร้องโดยตรงจากคณะผู้ปกครองไปจนถึงกระทรวงสังฆราช แม้ว่าแอมโบรสไม่เคยเป็นพระมาก่อน แต่เขาก็สนับสนุนลัทธิสงฆ์แบบตะวันออกในมิลาน เขาจำได้ดีที่สุดสำหรับคำเทศนาของเขาซึ่งเขาได้เตรียมผู้สมัครรับบัพติสมา แอมโบรสเป็นครูของออกัสตินและให้บัพติศมาแก่เขา เขาอธิบายความหมายของบัพติศมาว่า

เมื่อรับบัพติสมา ท่านได้เข้าสู่สถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งการเกิดใหม่ จำสิ่งที่คุณถูกถามและจำสิ่งที่คุณตอบ คุณละทิ้งปีศาจและผลงานของเขา โลกที่เต็มไปด้วยความหรูหราและความสุข คำพูดของคุณเหล่านี้ไม่ได้อยู่ในหลุมฝังศพของคนตาย แต่อยู่ในหนังสือแห่งชีวิต... พิจารณาว่าพิธีบัพติศมาถูกกำหนดล่วงหน้าอย่างไรในช่วงเริ่มต้นของประวัติศาสตร์โลก เมื่อพระเจ้าทรงเห็นว่าโลกกำลังเลวร้ายลงเรื่อยๆ พระองค์จึงส่งน้ำท่วมโลกมาชำระล้าง และสั่งให้โนอาห์เข้าไปในนาวา และต่อมา เมื่อน้ำท่วมลดลง โนอาห์ได้ส่งนกกาออกไปก่อน ซึ่งไม่กลับมา แล้วจึงปล่อยนกเขาออกไป ซึ่งว่ากันว่าจะกลับมาพร้อมกับกิ่งมะกอก คุณเห็นน้ำ เห็นนกพิราบ เห็นไม้ในหีบ แล้วคุณยังไม่เข้าใจปริศนาธรรมอีกหรือ? น้ำคือการที่ร่างกายแช่เพื่อล้างบาปทั้งหมด ความอาฆาตพยาบาททั้งหมดถูกฝังอยู่ภายใน ไม้เป็นไม้ที่พระเยซูเจ้าประทับเมื่อพระองค์ทนทุกข์เพื่อเรา นกพิราบเป็นรูปแบบที่พระวิญญาณบริสุทธิ์เสด็จลงมา - ตามที่คุณอ่านในพันธสัญญาใหม่ - ซึ่งหายใจเอาความสงบและความเงียบสงบเข้าสู่จิตวิญญาณของคุณ นกกาเป็นภาพของความบาปที่จากไปและไม่กลับมาอีกหากคุณต้องการอยู่ในความชอบธรรม(ความลับ III)

เจอโรม (342 – 420)

เฮียโรนิมัสเป็นนักวิจารณ์และผู้แปลพระคัมภีร์ที่ยอดเยี่ยม ในฐานะพ่อผู้ยิ่งใหญ่เพียงหนึ่งเดียวในเจ็ดคนนี้ เขาไม่ใช่บิชอป เขาเป็นนักวิชาการที่กระตือรือร้นและเป็นมนุษย์มาก เป็นผู้แปลภาษาละตินภูมิฐาน (เป็นเวลาหลายปีที่พระคัมภีร์อย่างเป็นทางการของคริสตจักรละติน) เจโรมใช้ชีวิตเป็นฤๅษีเป็นเวลาสี่ปีในทะเลทรายทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองอันทิโอก ที่ซึ่งเขาอุทิศตนเพื่อการสวดมนต์ การทรมาน และการศึกษา โดยเฉพาะภาษาฮีบรู เมื่อกลับมายังเมืองอันทิโอก เขาได้รับการแต่งตั้งเป็นพระสงฆ์ (แม้ว่าจะขัดกับความตั้งใจของเขาก็ตาม) และจากนั้นศึกษาพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์กับเกรกอรีแห่งนาเซียนซุสในกรุงคอนสแตนติโนเปิล ชีวิตของเขาขึ้นอยู่กับคติพจน์ของเขาเอง: "การไม่รู้พระคัมภีร์คือการไม่รู้จักพระคริสต์" นอกเหนือจากการแปลงานเขียนของพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์แล้วเขายังเขียนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับพระคัมภีร์ไบเบิลและการศึกษาทางประวัติศาสตร์รวมถึงจดหมายอีกด้วย

ออกัสติน (354 – 430)

ออกัสตินเป็นบิดาแห่งยุคทองคนสุดท้ายและมีอิทธิพลมากที่สุดในตะวันตกอย่างไม่ต้องสงสัย ความริเริ่มของความคิดของเขา (ซึ่งแตกต่างจากบรรพบุรุษคนอื่นๆ) มีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย: ความเป็นอัจฉริยะส่วนตัวของเขา (ซึ่งเป็นภาษาลาตินในศาสนาคริสต์ล้วนๆ ซึ่งเทววิทยาส่วนใหญ่เป็นภาษากรีก) การศึกษาด้วยตนเอง และปฏิกิริยาของเขาต่อสิ่งใหม่ล้วนๆ พวกนอกรีตตะวันตกที่โจมตีบ้านเกิดในแอฟริกาของเขา เมื่อพวกนอกรีตตะวันออกสงบลง ออกัสตินเพิ่งเริ่มต้นการต่อสู้ งานที่สำคัญที่สุดของออกัสตินคือ City of God ซึ่งเขียนขึ้นในโอกาสที่พวกอนารยชนรุกรานอาณาจักรโรมันจากชนเผ่าทางตอนเหนือและตะวันออกของยุโรปและเอเชีย ในงานนี้ เขาชี้ให้เห็นว่าชาวคริสต์มีเมืองนิรันดร์ที่พวกเขาฝากความหวัง นอกเหนือจากเมืองที่ทรุดโทรมของโลกนี้ งานนี้ประกาศศักราชใหม่ Confessions เป็นอีกหนึ่งผลงานที่มีผู้อ่านอย่างกว้างขวาง หนังสือเล่มนี้เป็นอัตชีวประวัติที่เล่าถึงชีวิตบนโลกและการกลับใจใหม่ของเขา และเน้นย้ำว่ามนุษยชาติไม่ได้ได้รับความรอดจากความพยายามส่วนตัวของพวกเขาเอง แต่โดยพระคุณของพระเจ้า

ต่อมาบิดาไบแซนไทน์และผู้ร่วมสมัยของพวกเขา

จักรวรรดิโรมันตะวันออกมีศูนย์กลางอยู่ที่กรุงคอนสแตนติโนเปิล เริ่มตั้งแต่การอุทิศ "เมืองคอนสแตนติน" ในปี 325 จนถึงฤดูใบไม้ร่วงในปี 1453 นักประวัติศาสตร์เรียกมรดกทางการเมืองและวัฒนธรรมของจักรวรรดิว่า "ไบแซนไทน์"

เราได้เห็นแล้วว่ายุคทองของบรรพบุรุษได้หล่อหลอมรูปแบบทางเทววิทยาและจิตวิญญาณของความคิดของคริสเตียนยุคหลังอย่างไร โดยการกำหนดวิธีแก้ปัญหาที่ยอมรับได้สำหรับคำถามพื้นฐานทางเทววิทยาบางข้อ

ตั้งแต่ศตวรรษที่ 5 ศาสนจักรจะเกี่ยวข้องกับการอธิบายและปกป้องสิ่งที่บรรพบุรุษคนก่อน ๆ พยายามแสดงออก บิดาของไบแซนไทน์ในยุคต่อมาส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับความสัตย์ซื่อต่อจารีตของศาสนจักร และในงานเขียนของพวกเขามักเน้นอย่างระมัดระวังที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ว่านำเสนอแต่ความเชื่อของ "พระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ บรรพบุรุษ และสภา" คำวิจารณ์ที่ถูกต้องที่สุดที่พวกเขาสามารถเทียบเคียงกับผู้นำนิกายได้ก็คือพวกเขาแนะนำ "ความแปลกใหม่" ให้กับความเชื่อที่มาจากเหล่าอัครสาวก ตั้งแต่ศตวรรษที่ 5 เป็นต้นมา เหล่าบรรพบุรุษเริ่มใส่ใจในการอนุรักษ์ผลงานของบรรพบุรุษมากกว่าที่เคยเป็นมาในศตวรรษก่อนๆ บรรพบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ในปีต่อมาของอาณาจักรไบแซนไทน์ต่อสู้กับพลวัตแบบเดียวกับที่เราพบในทุกวันนี้ นั่นคือการยึดมั่นในประเพณีของเราในขณะที่ตอบสนองความต้องการของสังคมร่วมสมัย

แม็กซิมผู้สารภาพ (580 – 662)

ชื่อผู้สารภาพระบุว่า Maxim ต้องทนทุกข์ทรมานเพราะความซื่อสัตย์ต่อความเชื่อของคริสเตียน เข้าประจำการในต้นศตวรรษที่ 7 เขาสามารถใช้การศึกษาแบบคลาสสิกและ "การติดต่อกับชนชั้นสูง" กับราชสำนักคอนสแตนติโนเปิลเพื่อปกป้องศรัทธาของศาสนจักรจากการบิดเบือนทางการเมืองของจักรพรรดิ การต่อต้านนโยบายทางศาสนาของจักรพรรดินี้เองที่นำไปสู่การเนรเทศและความทุกข์ทรมาน

ศาสนศาสตร์ของแม็กซิมัสเป็นมากกว่าการรวบรวมคำสอนที่เกี่ยวข้องกับปัญหาในแต่ละวัน แต่งานของเขาเป็นการสังเคราะห์อย่างสร้างสรรค์ของประเพณีในพระคัมภีร์ไบเบิล patristic และ conciliar ของคริสตจักรด้วยแนวทางทางปรัชญาของความคิดกรีก นำไปใช้กับปัญหาเทววิทยาในสมัยโบราณของเวลาของเขา ผลที่ได้นั้นน่าประทับใจจริง ๆ และสามารถให้อาหารเพื่อชีวิตในพระคริสต์ในสมัยของเรา ดังที่ทำมาเป็นเวลา 1,300 ปี

แม็กซิมสามารถรวมองค์ประกอบทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นระบบความคิดที่สมบูรณ์ซึ่งหมุนรอบบุคคลของพระเยซูคริสต์ อัสสปาซา ซึ่งนำมาสู่เราในพระคริสต์ อธิบายว่าธีโอซิสหรือเทวรูป.

ยอห์นแห่งดามัสกัส (690-750)

นักบุญยอห์นแห่งดามัสกัสอาศัยอยู่นอกอาณาจักรไบแซนไทน์ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของคอลีฟะฮ์ชาวอาหรับที่นับถือศาสนาอิสลาม เขาออกจากตำแหน่งที่มีอิทธิพลในรัฐบาลและเข้าสู่อาราม Saint Sabo ใกล้กรุงเยรูซาเล็ม ที่นี่เขาจัดการเพื่อปกป้องการใช้ไอคอนกับนโยบายการยึดถือสัญลักษณ์ของผู้ปกครองไบแซนไทน์ในสมัยนั้น ที่นี่เขายังเขียนการสังเคราะห์ความเชื่อของคริสเตียนที่ยอดเยี่ยมน้ำพุแห่งความรู้มักเรียกตามชื่อของส่วนที่สามเกี่ยวกับความเชื่อดั้งเดิม. การนำเสนออย่างสร้างสรรค์ของเขาเกี่ยวกับความเชื่อของคริสเตียน ซึ่งเขาได้ผสมผสานความรู้ของปรัชญาของอริสโตเติ้ลกับประเพณีของคริสตจักร มีผลกระทบอย่างมากต่อทั้งตะวันออกและตะวันตก

ยอห์นแห่งดามัสกัสยังมีชื่อเสียงในเรื่องเพลงสวดอีกด้วย "ศีลทองคำ" ของเขาบนโต๊ะฟื้นคืนชีพเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่ชาวคริสต์ไบแซนไทน์ทุกคน และ "การคร่ำครวญ" ของเขาก็เป็นพิธีศพ

เกรกอร์ ปาลามาส (ค.ศ. 1296 – 1359)

Gregor Palamas อาศัยอยู่ในช่วงเวลาที่อาณาจักรไบแซนไทน์ที่เคยยิ่งใหญ่กำลังดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอดจากการรุกรานของชาวมุสลิมเติร์กและการปั่นป่วนผลประโยชน์ทางการค้าของตะวันตกอย่างต่อเนื่อง ช่วงเวลาแห่งปัญหาเศรษฐกิจ การทหาร และการเมืองนี้เป็นช่วงเวลาที่มีพลังทางปัญญาและจิตวิญญาณอันยิ่งใหญ่เช่นกัน

การปกป้องโฮลีเฮไซคัสของเกรกอรีไม่เพียงแต่ให้คำอธิบายทางปัญญาเกี่ยวกับการปฏิบัติทางสงฆ์ที่มีบทบาทสำคัญในจิตวิญญาณตะวันออกมานานหลายศตวรรษเท่านั้น แต่ความแตกต่างของเขาระหว่างแก่นแท้และพลังงานที่ไม่ได้สร้างขึ้นของพระเจ้ายังทำให้แนวคิดพื้นฐานมีความชัดเจนธีโอซิสซึ่งพิสูจน์แล้วว่าเป็นประโยชน์สำหรับเทววิทยาตะวันออกและการปฏิบัติในภายหลังทั้งหมด

บทบาทของพ่อในชีวิตของคริสตจักร

ในระหว่างการสำรวจพระบิดาของศาสนจักรในฐานะการแสดงออกถึงประเพณีอันศักดิ์สิทธิ์ เราได้เน้นย้ำถึงการที่ชายและหญิงเหล่านี้เป็นพยานที่ซื่อสัตย์ต่อพระคริสต์โดยเปิดรับการนำทางของพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่สถิตภายในพวกเขา ต้องขอบคุณการที่พวกเขาเปิดใจรับการสถิตอยู่ของพระวิญญาณของพระคริสต์ พวกเขาจึงสามารถร่วมมือกับการกระตุ้นเตือนของพระวิญญาณองค์นี้และเป็นผู้นำศาสนจักรตลอดหลายศตวรรษ ด้วยเหตุนี้จึงบรรลุพันธกิจที่อัครทูตและผู้สืบทอดมอบหมายไว้ บรรพบุรุษเป็นผู้พิทักษ์ความคิดของอัครสาวก ผู้รับใช้และผู้ปกป้องประเพณีอันศักดิ์สิทธิ์ โฆษกของพระวิญญาณบริสุทธิ์ โดยทำภารกิจเหล่านี้ให้สำเร็จ พวกเขามีส่วนร่วมในการก่อตั้งศาสนจักรตลอดหลายชั่วอายุคน

เราได้เห็นแล้วว่าในแง่หนึ่งเรารู้จักพระบิดาแล้ว เราสวดอ้อนวอนด้วยถ้อยคำที่พวกเขาให้เรา เราร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าในเพลงสวดที่พวกเขาแต่ง เราพยายามเข้าใจความลี้ลับของพระเจ้าด้วยภาพลักษณ์ที่พวกเขาสร้างขึ้น และเราดำเนินชีวิตตามแนวทางปฏิบัติที่พวกเขาสร้างขึ้นก่อนหน้าเรา เราไม่เพียงมีสิ่งที่เป็นรูปธรรมเหล่านี้ในชีวิตพวกเขาเพื่อเป็นขุมทรัพย์แห่งพระพรที่จะดึงมาใช้ตามความจำเป็น แต่เรายังมีตัวอย่างของพวกเขาที่จะชี้นำความพยายามของเราที่จะซื่อสัตย์ต่อพระคริสต์

การพิจารณาส่วนบุคคล

บรรพบุรุษของคริสตจักรมีลักษณะอย่างไร?

เรามีความต่อเนื่องกับบรรพบุรุษของคริสตจักรอย่างไร?

บรรพบุรุษของคริสตจักรมีอิทธิพลต่อชีวิตของเราในปัจจุบันอย่างไร?

การสะท้อนของ St. Gregory of Nazianzus บน Holy Pascha

นี่คือวันแห่งการฟื้นคืนชีพ และสำหรับฉันมันเป็นการเริ่มต้นที่ดี ขอให้เราทุกคนเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันและถวายพระสิริแด่พระเจ้าในวันหยุดอันศักดิ์สิทธิ์นี้ ให้เราอยู่เป็นพี่น้องกับผู้ที่เกลียดเราและคนที่รักเรา ช่วยเหลือเรา ไม่ว่าพวกเขาจะทนทุกข์อะไรเพื่อเราก็ตาม ให้เราให้อภัยทุกสิ่งในการฟื้นคืนชีพ เรามายกโทษให้กันเถิด ข้าพเจ้าผู้ประสบกับความรุนแรงอันน่านับถือนี้ และผู้ที่ก่อให้เกิด...

เมื่อวานพระเมษโปดกถูกปลงพระชนม์และพระโลหิตประพรมที่เสาประตู ขณะที่อียิปต์คร่ำครวญถึงบุตรหัวปีของนาง แต่ทูตสวรรค์ผู้ทำลายล้างและมีดบูชายัญของเขาที่ร้ายกาจและน่าสะพรึงกลัวได้ผ่านเราไปเพราะพระโลหิตอันล้ำค่าปกป้องเรา วันนี้เราได้พรากจากอียิปต์และจากฟาโรห์ผู้กดขี่ข่มเหงและจากผู้คุมที่กดขี่ เราเป็นอิสระจากการทำอิฐอัสลาม และไม่มีใครห้ามเราที่จะเฉลิมฉลองวันหยุดแห่งการเปลี่ยนแปลงของเรา ปัสกาของเรา ที่จะเฉลิมฉลองไม่ใช่ด้วยเชื้อแห่งความอาฆาตพยาบาทและความอัปยศ แต่ด้วยขนมปังไร้เชื้อแห่งความจริงใจและความจริง และไม่ถือ มีเชื้อที่ชั่วร้ายและชัดเจนของอียิปต์อยู่ในตัวเราด้วย

เมื่อวานฉันถูกตรึงกับพระคริสต์ วันนี้ฉันได้รับเกียรติร่วมกับพระองค์ เมื่อวานฉันตายไปกับเขา วันนี้ฉันมีชีวิตกับเขา เมื่อวานฉันถูกฝังไปกับเขา วันนี้ฉันกลับคืนชีพไปกับเขา วันนี้ให้เราเสียสละเพื่อพระองค์ผู้ทรงทนทุกข์เพื่อเราและเป็นขึ้นจากความตาย... ให้เราเสียสละเพื่อภาพลักษณ์ของเขาสิ่งที่สร้างขึ้นในรูปลักษณ์ของภาพนี้ ให้เราให้เกียรติพระองค์ตามพระฉายาของพระองค์ที่เราถูกสร้างขึ้น... ให้เราเป็นเหมือนพระคริสต์ เพราะว่าพระคริสต์ได้เป็นเหมือนเรา ให้เราเป็นพระเจ้าเพื่อพระองค์ เพราะพระองค์ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์เพื่อเรา(นักบุญเกรกอรีแห่งนาซีอันซัส ในเทศกาลปัสกาอันศักดิ์สิทธิ์)

สังเกตความคล้ายคลึงกันของเพลงสวดต่อไปนี้ที่ร้องในช่วงเทศกาลปาสคาล:

วันนี้ ปัสกาศักดิ์สิทธิ์ ปัสกาใหม่และบริสุทธิ์ได้ถูกเปิดเผยแก่เรา ปัสกาอาถรรพ์! การเปลี่ยนผ่านอย่างสมเกียรติ! เทศกาลปัสกา ซึ่งก็คือพระคริสต์ พระผู้ไถ่ ปัสกานิรมล ปัสกาที่ยิ่งใหญ่ ทางแห่งสัตบุรุษ. การเปลี่ยนแปลงที่เปิดประตูสวรรค์ให้กับเรา เทศกาลปัสกาซึ่งชำระผู้เชื่อทุกคนให้บริสุทธิ์

เมื่อวานข้าพเจ้าถูกฝังไว้กับท่าน พระคริสต์ แต่วันนี้ข้าพเจ้าเป็นขึ้นโดยท่าน เมื่อวานฉันตรึงตัวเองไว้กับเธอ พระผู้ช่วยให้รอด โปรดประทานเกียรติแก่ข้าพระองค์ร่วมกับพระองค์ในอาณาจักรของพระองค์(นักบุญยอห์นแห่งดามัสกัส)

ที่มา: A stream of living water, God with us สิ่งพิมพ์ปี 1988 แปลงานจากภาษาอังกฤษโดยพ่อจัน ครูภา

โปรดติดตามและชอบเรา:

สายธารแห่งชีวิต: Church Fathers - ทำไมเราควรศึกษา Church Fathers; คริสตจักรบิดาแห่ง Prednice; ยุคโพนิเชียน; สามพ่อ Cappadocian และ John Chrysostom; พ่อฝรั่ง; - คำสอนกรีกคาทอลิก, บทความ (2)

จำนวนการดู: :7

จำนวนการเข้าชม: 8

ลำธารแห่งชีวิต: Council Creeds - Nicene Creed; สภาในคริสตจักร, สภาสากลสายธารแห่งชีวิต: รูปแบบของพระคัมภีร์ - การพัฒนาของพระคัมภีร์ไบเบิล; กฎหมายใหม่

สนับสนุนเรา


References

Top Articles
Latest Posts
Article information

Author: Rubie Ullrich

Last Updated: 20/01/2024

Views: 5249

Rating: 4.1 / 5 (52 voted)

Reviews: 91% of readers found this page helpful

Author information

Name: Rubie Ullrich

Birthday: 1998-02-02

Address: 743 Stoltenberg Center, Genovevaville, NJ 59925-3119

Phone: +2202978377583

Job: Administration Engineer

Hobby: Surfing, Sailing, Listening to music, Web surfing, Kitesurfing, Geocaching, Backpacking

Introduction: My name is Rubie Ullrich, I am a enthusiastic, perfect, tender, vivacious, talented, famous, delightful person who loves writing and wants to share my knowledge and understanding with you.